หมีทอ
หมีทอ (เวียดนาม: Mỹ Tho) เป็นเมืองหลักและเป็นเทศบาลแห่งหนึ่งของจังหวัดเตี่ยนซาง ตั้งอยู่ในภูมิภาคดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม[1] มีประชากรประมาณ 169,000 คน[2] เมืองนี้มีชื่อเสียงจากการล่องเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำหมีทอและจากก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "หูตี๊วหมีทอ" (hủ tíu Mỹ Tho)[3]
หมีทอ Thành phố Mỹ Tho | |
---|---|
นครภายใต้จังหวัด (นครชั้น 1) | |
นครหมีทอ | |
พิกัด: 10°21′N 106°21′E / 10.350°N 106.350°E | |
ประเทศ | เวียดนาม |
ภูมิภาค | ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง |
จังหวัด | เตี่ยนซาง |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 31.49 ตร.ไมล์ (81.55 ตร.กม.) |
ประชากร (2019) | |
• ทั้งหมด | 270,700 คน |
• ความหนาแน่น | 8,600 คน/ตร.ไมล์ (3,300 คน/ตร.กม.) |
รหัสพื้นที่ | 073, 074 (ในประเทศ) และ +8473,+8474 (ระหว่างประเทศ) |
ภูมิอากาศ | Aw |
เว็บไซต์ | mytho |
ประวัติ
แก้หมีทอตั้งขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1680 โดยชาวจีนที่ลี้ภัยมาจากเกาะไต้หวันเมื่อนายพลชี หลาง แห่งราชวงศ์ชิงสามารถพิชิตดินแดนส่วนที่เหลือของราชวงศ์หมิงใต้ได้ในปี ค.ศ. 1683 บริเวณที่ตั้งเมืองหมีทอในเวลานั้นเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม (ถูกผนวกเข้ากับเวียดนามในคริสต์ศตวรรษที่ 18) ชื่อของเมืองนี้ตั้งชื่อตามแม่น้ำหมีทอ โดยเขียนเป็นอักษรจื๋อโนมได้ว่า 美萩 ("ต้นไม้ที่สวยงาม")[4] เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งใกล้กับเมืองไซ่ง่อน หมีทอจึงกลายเป็นประตูสู่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงสำหรับไซ่ง่อนมาตั้งแต่อดีต ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในบริเวณที่เป็นภาคใต้ของเวียดนามปัจจุบัน
ในคริสต์ทศวรรษ 1860 หมีทอเป็นหนึ่งในเมืองยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายอิทธิพลของฝรั่งเศสเข้าไปในเวียดนาม ในปี ค.ศ. 1862 การยึดเมืองหมีทอของฝรั่งเศสถือเป็นบทสรุปของการสถาปนาอาณานิคมฝรั่งเศสที่โคชินไชนา ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นของกระบวนการยึดครองเวียดนามที่กินเวลาอยู่เกือบศตวรรษ ในยุคที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส สภาพเศรษฐกิจของเมืองยังคงเจริญรุ่งเรือง ดึงดูดให้ชนต่างถิ่นโดยเฉพาะชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้งและฝูเจี้ยนอพยพเข้ามาอยู่อาศัย
อ้างอิง
แก้- ↑ "Thành phố Mỹ Tho". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-01. สืบค้นเมื่อ 2012-08-06.
- ↑ John Hoskin, Carol Howland, Vietnam เก็บถาวร 2015-05-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (2006), p. 114.
- ↑ Lonely Planet Vietnam (2009), p. 418.
- ↑ Vietnamese Nôm Preservation Foundation