อู่แห้ง (อังกฤษ: dry dock, drydock หรือ dry-dock) หมายถึงบ่อแคบ ๆ รูปร่างคล้ายเรือ ซึ่งสามารถสูบน้ำเข้ามาเพื่อให้สิ่งของลอยเข้ามาด้านในได้ จากนั้นจึงสูบน้ำออกเพื่อให้สิ่งของนั้นมาพักอยู่บนพื้นที่แห้งด้านล่าง อู่แห้งใช้สำหรับการก่อสร้าง บำรุงรักษา และซ่อมแซมเรือขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ รวมถึงพาหนะทางน้ำอื่น ๆ

เรือดำน้ำยูเอสเอส กรีนวิลล์ (SSN-772) ของกองทัพเรือสหรัฐ ในอู่แห้ง
เรือโจมตีชายฝั่งของกองทัพเรือสหรัฐ ในอู่แห้ง NASSCO ในปี 2012

อู่แห้งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพเรือในการซ่อมแซมเรือรบขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับท่าเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีอู่แห้งอยู่ภายใน เพื่อใช้ในการซ่อมแซมเรือสินค้าและเรือโดยสารขนาดใหญ่

ประวัติศาสตร์

แก้

สมัยกรีซโบราณ

แก้

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับอู่แห้งพบได้ในอียิปต์สมัยทอเลมี (ประมาณ 332–30 ปีก่อนคริสตกาล) โดยอะธีนาอีอุสแห่งนาอูคราทิส (Athenaeus of Naucratis) นักเขียนชาวกรีก ได้เขียนเกี่ยวกับการปล่อยเรือพายขนาดมหึมา "เทสรากอนเตเรส" (Tessarakonteres) ในรัชสมัยทอเลมีที่ 4 ฟิโลพาเตอร์ เขากล่าวถึงสิ่งที่อาจเป็นอู่แห้งขนาดใหญ่ที่ใช้ในการปล่อยเรือดังกล่าว[1]

หลังจากนั้น ช่างชาวฟีนิเชียนคนหนึ่งก็คิดค้นวิธีการปล่อยเรือใหม่ (เทสรากอนเตเรส) โดยขุดร่องลึกใต้ท้องเรือซึ่งมีความยาวเท่ากับตัวเรือเองติดกับท่าเรือ ในร่องลึกนั้น เขาสร้างฐานรองจากหินแข็งลึกห้าศอก แล้ววางทับด้วยคานไม้ขวางตลอดความกว้างของร่องลึก ห่างกันสี่ศอก จากนั้นก็ทำทางเชื่อมกับทะเลเพื่อเติมน้ำให้เต็มพื้นที่ที่ขุดไว้ ทำให้เรือลอยขึ้นมาได้ง่ายด้วยแรงคนที่มีอยู่ จากนั้นจึงปิดทางเข้าที่สร้างไว้เดิม และสูบน้ำออก เมื่อน้ำออกหมด เรือก็วางอยู่บนคานไม้ขวางที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้อย่างมั่นคง[2]

มีการคำนวณว่าอู่แห้งสำหรับเรือขนาดใหญ่นี้อาจจะมีปริมาณน้ำ 750,000 แกลลอน เทียบเท่ากับประมาณ 2,839 ล้านลิตร[3]

จีนสมัยกลาง

แก้

การใช้อู่เรือแห้งในจีนนั้นสามารถย้อนกลับไปได้ไกลอย่างน้อยถึงศตวรรษที่ 10[4] ในปี ค.ศ. 1088 เฉิ่น คั่ว (ค.ศ. 1031–1095) นักวิทยาศาสตร์และรัฐบุรุษแห่งราชวงศ์ซ่ง เขียนไว้ใน "บทความสระนียาม" (Dream Pool Essays) ว่า:

ในช่วงต้นราชวงศ์ (ประมาณ ค.ศ. 965) สองมณฑลเช่อ (ปัจจุบันคือเจ้อเจียง และเจียงซูใต้) ได้ถวายเรือมังกรสองลำแก่องค์จักรพรรดิ แต่ละลำมีความยาวมากกว่า 200 ฟุต ตัวเรือมีหลายชั้น พร้อมห้องพักและโถงแบบพระราชวัง ภายในมีทั้งบัลลังก์และโซฟา พร้อมสำหรับการประพาสและตรวจราชการขององค์จักรพรรดิ ผ่านมาหลายปี ตัวเรือเริ่มผุพังและต้องการการซ่อมแซม แต่การทำเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ตราบใดที่เรือยังลอยน้ำอยู่ ด้วยเหตุนี้ ในรัชสมัยจักรพรรดิซ่งเสินจง (ค.ศ. 1068–1077) ขุนนางวังท่านหนึ่งชื่อหวงฮุ่ยซินได้เสนอแผนการขึ้นมา บ่อขนาดใหญ่ถูกขุดขึ้นบริเวณปลายด้านเหนือของทะเลสาบจินหมิง เพื่อรองรับเรือมังกร และภายในบ่อนี้มีการวางคานไม้ขวางขนาดใหญ่และแข็งแรงลงบนฐานรากที่สร้างจากเสา จากนั้น (เปิดทางน้ำเข้าบ่อ) ทำให้น้ำไหลเข้าเติมบ่ออย่างรวดเร็ว เมื่อบ่อเต็มแล้ว เรือทั้งสองลำจึงถูกดึงลากขึ้นไปเหนือคานไม้ขวาง (หลังจากปิดทางน้ำเข้า) น้ำจึงถูกสูบออกจากบ่อด้วยเครื่องสูบแบบกงล้อ ทำให้เรือค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นจนพักอยู่บนอากาศอย่างมั่นคง เมื่อการซ่อมแซมเสร็จสิ้น น้ำก็ถูกปล่อยกลับเข้ามาอีกครั้ง เพื่อให้เรือมังกรลอยน้ำอีกครั้ง (และสามารถออกจากอู่ได้) สุดท้าย คานไม้ขวางและเสาถูกนำออก และทั้งบ่อถูกคลุมด้วยหลังคาขนาดใหญ่ เพื่อสร้างเป็นโรงเก็บเรือ ป้องกันแดดลมและความเสียหายจากแดดฝน[5][6]

สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยายุโรป

แก้
 
อู่แห้งลอยน้ำ ภาพพิมพ์แกะไม้จากเวนิส (ค.ศ. 1560)

อู่แห้งในยุโรปยุคต้นสมัยใหม่แห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดที่ยังใช้งานอยู่ตั้งอยู่ที่ฐานทัพเรือหลวงพอร์ตสมัธ ถูกสร้างขึ้นตามบัญชาของพระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1495 (ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทัพเรือทิวดอร์)[7]

หลักฐานการกล่าวถึงอู่แห้งแบบลอยที่เก่าแก่ที่สุดอาจมาจากหนังสือเล่มเล็กในภาษาอิตาลีที่ตีพิมพ์ในเวนิส ค.ศ. 1560 เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องกลประดิษฐ์ (Descrittione dell'artifitiosa machina) ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนนิรนามได้เสนอวิธีการใหม่ในการกู้เรือที่ติดอยู่ใต้ท้องทะเล และเริ่มอธิบายถึงวิธีการของเขาพร้อมภาพประกอบ ภาพแกะไม้ที่แนบมาแสดงภาพเรือที่อยู่ระหว่างแท่นลอยขนาดใหญ่สองอัน มีหลังคาเหนือเรือ ลำเรือถูกดึงเข้ามาในแนวตั้งด้วยเชือกจำนวนมากที่ติดกับโครงสร้างบนเรือ[8]

สมัยปัจจุบัน

แก้

อู่ต่อเรือฌานตีเย เดอแอตแลนติค (Chantiers de l'Atlantique) ในเมืองแซ็ง-นาแซร์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นเจ้าของอู่แห้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยขนาด 1,200 × 60 เมตร (3,940 × กว้าง 200 ฟุต) และอู่แห้งที่มีหลังคาขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่อู่ต่อเรือเมเยอร์ เวิร์ฟท์ (Meyer Werft Shipyard) ในเมืองพาเพนบวร์ค ประเทศเยอรมนี ด้วยความยาว 504 เมตร ความกว้าง 125 เมตร และความสูง 75 เมตร[9]

บริษัทอุตสาหกรรมหนักฮาร์แลนด์แอนด์วูล์ฟ (Harland and Wolff Heavy Industries) ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ เป็นที่ตั้งของอู่แห้งขนาดใหญ่ 556 × 93 เมตร (1,824 × 305 ฟุต) ซึ่งถือเป็นอู่แห้งที่ใหญ่แห่งหนึ่งในโลก เครนขนาดมหึมาที่อยู่ภายในอู่แห้งแห่งนี้ตั้งชื่อตามบุคคลในคัมภีร์ไบเบิล ได้แก่ แซมสัน และ โกไลแอท

อู่แห้งหมายเลข 12 ของบริษัทต่อเรือนิวพอร์ตนิวส์ (Newport News Shipbuilding) ในรัฐเวอร์จิเนีย เป็นอู่แห้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีความยาว 662 เมตร และกว้าง 76 เมตร (2,172 × 249 ฟุต) อู่ลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือมีชื่อว่า "เดอะวิเกอรัส" (The Vigorous) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทไวกอร์ อินดัสทรีส์ (Vigor Industries) ในรัฐออริกอน ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมสวอนไอแลนด์ (Swan Island Industrial Area) ริมแม่น้ำวิลลาเมตต์[10]

ประเภท

แก้

การใช้งานอื่น

แก้

แกลเลอรี

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. Oleson 1984, p. 33
  2. Athenaeus of Naucratis (Yonge, C.D., Editor) The deipnosophists, or, Banquet of the learned of Athenæus, volume I, London: Henry G. Bohn, p.325 (5.204c)
  3. Landels 2000, p. 163
  4. Levathes, Louise (1994). When China Ruled the Seas. Oxford University Press. p. 77. ISBN 978-0-19-511207-8.
  5. Needham, Joseph (1986). Science and Civilization in China: Volume 4 Part 3. Taipei: Caves Books, Ltd. Page 660
  6. Bouée, Charles-Edouard (2010). China's Management Revolution: Spirit, Land, Energy. Palgrave Macmillan. p. 84. ISBN 978-0230285453.
  7. Sarton 1946, p. 153
  8. Sarton 1946, pp. 153f.
  9. "Meyer Werft baut größte Dockhalle der Welt". Spiegel Online. 2008-01-18. สืบค้นเมื่อ 2009-06-25.
  10. "North America's largest drydock floats first ship at Swan Island's Vigor Industrial (infographic and time lapse)". OregonLive.com. สืบค้นเมื่อ 2016-11-03.
  NODES